การแก้ระบบสมการเชิงเส้นโดยใช้เมทริกซ์
วิธีที่ 1 ใช้ตัวผกผันการคูณ ซึ่งมีวิธีการหาตามขั้นตอน ดังนี้
1. เปลี่ยนจากระบบสมการเชิงเส้นเป็นสมเมทริกซ์ จะได้สมการเมทริกซ์ในรูปของ
2.นำตัวผกผันการคูณของ A (ถ้ามี) คูณทางซ้ายทั้งสองข้างของสมการจะได้
3.จากผลที่ได้ในข้อ 2 สรุปได้ว่า
และ
ข้อที่ต้องสนใจมากๆ
1.จากตัวอย่างข้างต้นจะใช้ได้ในกรณีที่ A หาตัวผกผันการคูณได้ ซึ่งในกรณีเช่นนี้จะแก้สมการ หาค่า X, Y และ ได้อย่างละ 1 คำ
2.ถ้า A หาตัวผกผันการคูณไม่ได้ เช่น ระบบสมการอยู่ในรูป
วิธีที่ 1 ใช้ตัวผกผันการคูณ ซึ่งมีวิธีการหาตามขั้นตอน ดังนี้
1. เปลี่ยนจากระบบสมการเชิงเส้นเป็นสมเมทริกซ์ จะได้สมการเมทริกซ์ในรูปของ
2.นำตัวผกผันการคูณของ A (ถ้ามี) คูณทางซ้ายทั้งสองข้างของสมการจะได้
3.จากผลที่ได้ในข้อ 2 สรุปได้ว่า
และ
ข้อที่ต้องสนใจมากๆ
1.จากตัวอย่างข้างต้นจะใช้ได้ในกรณีที่ A หาตัวผกผันการคูณได้ ซึ่งในกรณีเช่นนี้จะแก้สมการ หาค่า X, Y และ ได้อย่างละ 1 คำ
2.ถ้า A หาตัวผกผันการคูณไม่ได้ เช่น ระบบสมการอยู่ในรูป
สมการของเมทริกซ์คือ
กรณีเช่นนี้ เราไม่สามารถหาค่า X และ Y ที่ทำให้ระบบสมการดังกล่าวเป็นจริงได้
3.ถ้า A หาตัวผกผันการคูณไม่ได้ เช่น ระบบสมการอยู่ในรูป
สมการของเมทริกซ์ คือ
กรณีเช่นนี้ เราไม่สามารถหาค่า X และ Y ที่ทำให้ระบบสมการดังกล่าวเป็นจริงได้
3.ถ้า A หาตัวผกผันการคูณไม่ได้ เช่น ระบบสมการอยู่ในรูป
สมการของเมทริกซ์ คือ
ในกรณีเช่นนี้ ค่า X และ Y ที่ทำให้ระบบสมการดังกล่าวเป็นจริงจะมีมากมายหลายค่า และขอให้นักเรียนสังเกตให้ดี สมการทั้ง 2 สมการในระบบสมการดังกล่าวคือ สมการเดียวกัน
วิธีที่ 2 ใช้กฎของคราเมอร์ (Cramer’s rule)
กำหนดระบบสมการเชิงเส้น ซึ่งสามารถหาค่าตัวแปลได้ ดังนี้
ค่าของ x, y และ z สามารถหาได้ดังนี้
วิธีที่ 3 ใช้วิธีการดำเนินการตามแถว
กำหนดระบบสมการเชิงเส้น ซึ่งสามารถหาค่าตัวแปรได้ดังนี้
1) นำระบบสมการดังกล่าวเขียนเป็นเมททริกซ์แต่งเติม ดังนี้
2)ใช้วิธีการดำเนินการตามแถว ซึ่งสามารถทำได้ 3 ลักษณะ ดังนี้
2.1 สลับที่ระหว่างสมาชิกของแถวที่ i กับแถวที่ j (เขียน )
2.2 คูณแถวที่ i ด้วยค่าคงตัว(เขียน) แล้วนำไปบวกกับแถวที่ i ( เขียน)
3)จากการกระทำดังกล่าวจะสิ้นสุดลงเมื่อส่วนที่อยู่หน้าเส้นประมีลักษณะดังนี้
3.1 ในแต่ละแถวมี 1 เพียงตัวเดียว นอกนั้นเป็น 0 หมด
3.2 1 ในแต่ละแถวต้องอยู่คนละหลักกันเช่น
ในกรณีนี้ สรุปได้ว่า x = p ,y = q และ z = r
หรือ
ในกรณีนี้ สรุปได้ว่า y = p , z = q และ z = r เป็นต้น อ่านต่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น